8 ปีที่รอคอยความยุติธรรม “คดีน้องเมย” ถูกทำร้ายเสียชีวิตใน รร.เตรียมทหาร ศาลให้โอกาสจำเลยปรับปรุงตัว จำคุก 4 เดือน 16 วัน ชดใช้ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
วันนี้ ศาลทหารสูงสุด ชั้นฎีกา อ่านที่ มทบ.12 ค่ายจักรพงษ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นอุทรณ์ จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่ง ของกรมนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันที ศาลเห็นว่าด้วยอายุและจำเลยไม่เคยรับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้โอกาสจำเลยปรับปรุงตัว เพื่อได้รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์กว่า ส่วนโทษยืนตามอุทรณ์ จำคุก 4 เดือน 16 วัน ชดใช้ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
ขณะที่ทางด้าน เมี่ยง พี่สาวเมย งัดหลักฐานใครกันที่โกหก เปิดคำให้การจากนักเรียนเตรียมทหาร ถึงบันไดต้นเหตุที่ทำให้เมยตาย
“บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มบท12 คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
ส่วนที่ 1
ศาลสูงยื่นตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้นไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
ส่วนที่ 2
น.ต.ท.ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย “โกหก” จึงต้องไปโดนธำรงวินัย เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้องเพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวลไม่ทัน แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันว่าเรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนนึงต้องรับมันไว้เกิดมากจากจุดใด อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อมๆกันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร
-เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว
-เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกัน
โปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง
ส่วนที่ 3
ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐาน พ่อ แม่ และพี่สาว ของเด็กชายคนนึง เราทั้งสามคนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้ ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่นๆก็ด้วย “ไอ้ขี้โกหก” ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะละเพราะลูกแกนะมันเป็น “ไอ้ขี้โกหก” วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก
ถึงผู้ปกครองส่วนมากก็ดีแต่ก็มีอีกส่วนที่รักโรงเรียนเสียยิ่งกว่าอะไรจนจับต้องไม่ได้ ฟังนะสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันจะไปกระทบกองทัพ โรงเรียน หรือ ปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร มันก็ถูกต้องแล้วที่หน่วยงานพวกนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกอย่างโปร่งใส ถ้าให้ตรวจสอบกันเองพวกคุณก็ให้การเข้าข้างกันแบบนี้แหละ เป็นนักเรียนยังขนาดนี้เติบใหญ่จะเป็นขนาดไหน… อย่างน้องเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไรๆมันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง
ส่วนที่ 5
วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอแต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้
สุดท้ายนี้ ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริงๆ โกหกใครโกหกได้แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอดฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ
ด้วยรัก
ปล วันนี้ทุกคนอ่านหนังสือเกิด 8 บรรทัดแล้วน้า ดีใจด้วย”