วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเหตุการณ์จรวดจากฝั่งกัมพูชาพุ่งตกในเขตไทย โดยระบุว่า จรวดที่ใช้ในการยิงครั้งนี้คาดว่าเป็นระบบ BM-21 Grad ซึ่งเป็นอาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้องที่มีจุดเด่นคือการยิงเป็นชุดจากท้ายรถบรรทุก แต่มีข้อจำกัดเรื่องความแม่นยำ ทำให้มีโอกาสพลาดเป้าหมายและตกกระจายออกนอกพื้นที่เป้าหมายได้สูง

BM-21 Grad เป็นระบบยิงจรวดของสหภาพโซเวียตที่เริ่มใช้งานตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 โดยถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่รุ่น BM-14 ซึ่งใช้จรวดขนาด 140 มิลลิเมตร รุ่นก่อนหน้า ระบบใหม่ใช้จรวดขนาด 122 มิลลิเมตร และติดตั้งกับรถบรรทุก 6 ล้อ มีจำนวนลำกล้อง 40 ท่อ จัดเรียงเป็น 4 แถว แถวละ 10 ลำกล้อง

จรวดแต่ละลูกมีความยาวราว 2.87 เมตร และมีระยะยิงระหว่าง 20–30 กิโลเมตร หัวรบหนักประมาณ 20 กิโลกรัม หน่วยยิงหนึ่งชุดใช้เจ้าหน้าที่ประจำการ 5 นาย สามารถปล่อยจรวดทั้ง 40 ลูกได้ภายในเวลาเพียง 20 วินาที และใช้เวลาราว 10 นาทีในการบรรจุใหม่

แม้จะมีความสามารถในการยิงได้รวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่กว้าง แต่ข้อเสียหลักของ BM-21 คือความไม่แม่นยำ จึงมักใช้ยิงในลักษณะกระจายเป้าหมาย ไม่เน้นความเฉพาะเจาะจง ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงที่จรวดจะตกนอกเป้าหมายโดยเฉพาะเมื่อยิงจากระยะไกล

ทั้งนี้ ระบบ BM-21 ยังคงถูกใช้งานโดยหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในกลุ่มประเทศอดีตสนธิสัญญาวอร์ซอ รวมถึงประเทศที่พัฒนาและผลิตเอง เช่น เบลารุส ยูเครน จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอื่น ๆ โดยมีการปรับปรุงรูปแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละภูมิภาค

เหตุการณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากอาวุธชนิดนี้สามารถสร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้าง แม้ไม่ได้มุ่งเป้าหมายโดยตรง