วันที่ 25 ก.ค.2568 นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยข้อมูลศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือ EOC กรณีผลกระทบจากเหตุความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า

ข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. มีสถานพยาบาลและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบใน 4 จังหวัด รวม 11 แห่ง ได้แก่

1.จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบ 3 แห่ง โดยปิดบริการบางส่วน 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลนาจะหลวย ปิดให้บริการเฉพาะห้องฉุกเฉิน ปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลน้ำขุ่น และ โรงพยาบาลน้ำยืน

2.จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ และ โรงพยาบาลภูสิงห์

3.จังหวัดสุรินทร์ ได้รับผลกระทบ 4 แห่ง ปิดบริการบางส่วน 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลประสาท และ โรงพยาบาลสังขะ ปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลกาบเชิง และ โรงพยาบาลพนมดงรัก

4.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ปิดบริการบางส่วน 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลละหารทราย และ โรงพยาบาลประโคนชัย ปิดให้บริการ 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลบางกรวด

นพ.วรตม์ กล่าวว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 14 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือสีแดง 7 ราย บาดเจ็บปานกลางหรือสีเหลือง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อยหรือสีเขียว 11 ราย

ขณะที่ ทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บรุนแรง 6 นาย บาดเจ็บปานกลาง 6 นาย และ บาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการอพยพผู้ป่วยในของ โรงพยาบาลต่างๆ รวม 292 ราย และอพยพประชาชนทั่วไป 131,456 ราย

กองทัพภาคที่ 2 แจ้งเตือนประชาชน ให้ความร่วมมือออกจากพื้นที่อันตราย

2 อำเภอ ใน จ.อุบลราชธานี คือ อ.น้ำขุ่น และ อ.น้ำยืน

3 อำเภอ ใน จ.ศรีสะเกษ คือ อ.ภูสิงห์ อ.ขุนหาญ อ.กันทรลักษ์

โดยระยะยิงอยู่ที่ 20-40 กิโลเมตร โดยเครื่องยิง BM-21 ยิงได้ 20 กม. และ PHL-81,Type-90B ยิงได้ถึง 40 กม.