ใจสลาย ลูกเมีย ร่ำไห้ รับร่างจ่าจุ้ย ทหารกล้ากลับบ้านเกิด

Author:

วันที่ 30 ก.ค. 68 เจ้าหน้าที่ ทหารของมณฑลทหารบกที่ 24 ได้นำร่าง จ.ส.อ.(พ) ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย อายุ 39 ปี สังกัด ร.13 พัน 3 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ได้พลีชีพ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย จากเหตุประทะชายแดนที่ บริเวณฐานปฏิบัติการช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ที่ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยมี นางมยุริน สีจุ้ยจ้าย อายุ 40 ปี ลูกสาวอายุ 13 ปี และ บุตรชาย อายุ 7 ขวบ ภรรยาและลูก เดินทางมาพร้อมกับขบวนรถด้วย

โดยขบวนรถได้เข้าจอดพักที่ หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 จ.อุดรธานี มี พลตรี ประเสริฐ ขำทิพย์พาที ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 พร้อมกับ ทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 24 ทุกสังกัด และนักเรียนชั้น ม.1/12 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล อ.เมือง จ.อุดรธานี จำนวน 50 คน ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียน ด.ญ.จุฑามาศ และครูประจำชั้น ได้มายืนตั้งแถว ไว้อาลัยและสดุดี จ.ส.อ.(พ) ธีระยุทธ ซึ่งเป็นบิดาของเพื่อน ได้ยืนทำความเคารพทหารกล้า ที่พลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

จากนั้น พลตรีประเสริฐ ขำทิพย์พาที ได้เชิญ นางมยุริน ลูกสาว บุตรชาย ภรรยาและลูก พร้อมด้วยญาติเข้าไปที่ห้องรับรอง แล้วได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ที่สามีได้สละชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยในครั้งนี้ ส่วนเพื่อนร่วมชั้นเรียนของน้องปิ่นมุก ได้มาให้กำลังใจพร้อมปลอบใจ พากันร้องไห้เสียใจกันทุกคน

ต่อมา นางมยุริน พร้อมลูกสาว ได้ขึ้นไปบนรถ 6 ล้อ ส่งกำลังพล ที่มีร่าง จ.ส.อ. (พ) ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย โดยภรรยากับลูกสาว ได้ร้องไห้ แล้วบอกว่า จะพากลับบ้าน ก่อนที่ลูกสาว หอมภาพถ่ายของพ่อ ในชุดเครื่องแบบทหาร เป็นครั้งที่สุดท้าย

นางมยุริน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ได้พูดคุยกันครั้งสุดท้ายคืนวันเกิดเหตุ หลังจากรับประทานข้าวเสร็จพี่เขาก็โทรหา ซึ่งจะโทรหาประจำ หากเหตุการณ์สงบแล้ว แต่วันเกิดเหตุ โทรหาเวลาประมาณ 17.30 น.พี่เขาบอกว่า ทานข้าวเพิ่งอิ่ม ทานส้มตำกับปลาหมึกแห้งทอด ตนจึงถามไปว่า มีแรงเหรอ พี่เขาตอบว่า มีสิ เพราะได้กินข้าวเหนียว

จากนั้นก็ถามเหตุการณ์ทั่วไป พี่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง ให้ตนวางสายเพราะพี่เขาจะโทรหาลูก เสร็จแล้วจะแวะซักผ้า เพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ใส่มาหลายวันแล้วไม่มีเวลาซักเลย แล้วก็เงียบไป จะเป็นแบบนี้ทุกวัน เวลาพี่เขาเงียบก็จะทักไลน์ไปหา ว่าเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่ ถ้าเหตุการณ์ปกติแล้วทักกลับมา

ผ่านไปจนถึง 21.30 น. ก็ยังเงียบ ต่อมาพี่สาวโทรมาบอกว่า ระเบิดลงที่ฐานจุ้ย ก็เลยรีบโทรหาเพื่อนเขาที่อยู่ในบังเกอร์เดียวกัน ซึ่งรู้แล้วว่า สามีเป็นอะไร เกิดเหตุตั้งแต่ 19.10 น. แต่ตนมาทราบเมื่อเวลา 22.00 น. ก็พยายามโทรติดต่อคนในฐาน แต่ไม่มีใครรับสาย

แต่นึกได้ว่ามีเฟซผู้กอง ที่อยู่ที่นั่น จึงทักถามผู้กองว่า จุ้ยเป็นอย่างไร ซึ่งผู้กองตอบมาว่า ตอบสนองดี ไม่ต้องห่วงนะ จะพาทุกคนกับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับสามี จึงโทรหาคุณหมอ ซึ่งหมอก็บอกว่า พี่จุ้ยปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง แต่ตนกำลังเก็บเสื้อผ้าจะเดินทางไปหา หมอได้โทรมาบอกก่อนว่า สามีสู้สุดความสามารถแล้ว ผ่านมา 3 ชั่วโมงแล้ว เขาไม่ไหวและจากเราไปแล้ว

ส่วน ลูกสาว กล่าวเสียงสะอื้นว่า ได้คุยกับปะป๋าวันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณเที่ยง ปะป๋าโทรมาถามว่าทำอะไร กินข้าวหรือยัง ปะป๋าบอกว่า อาจจะไม่ได้โทรมานะ สุดท้ายนี้ อยากบอกปะป๋าว่า ไม่ต้องห่วงหนูสบายดี เรียนจบแล้ว หนูจะดูแลมาม๊าและน้องเอง

หลังจากที่ขบวนได้ทำการพักรถอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นขบวนก็นำร่างทหารกล้า เดินทางต่อไปที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย บ้านเกิดต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *