วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะประเด็นที่มีเสียงเรียกร้องให้เปิดทางให้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพได้เดินทางกลับภูมิลำเนา
นายภูมิธรรมระบุว่า แม้รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนอย่างยิ่ง และเสียใจกับเหตุการณ์ที่มีประชาชนจบชีวิตตัวเอง เนื่องจากเกิดความเครียด แต่ยังไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยได้เต็มร้อย จึงไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนเดินทางกลับได้ทันที พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าท่าทีจากฝ่ายกัมพูชาไม่อาจไว้วางใจได้ เนื่องจากมีพฤติกรรมบิดเบือนข้อมูลหลายครั้งในอดีต
“แม้เราจะอยากให้ประชาชนกลับบ้าน แต่เราต้องแน่ใจก่อนว่าพวกเขาจะปลอดภัยจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดของกัมพูชา เพราะสิ่งที่เขาพูดอาจไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น” นายภูมิธรรมกล่าว
พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรมยังแสดงท่าทีไม่ไว้วางใจการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารจากต่างชาติลงพื้นที่ชายแดน โดยระบุว่าเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ก่อเหตุใช้เพื่อแสดงตนว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง ขณะที่ไทยเองยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะไม่อาจคาดเดาท่าทีของกัมพูชาได้
สำหรับมาตรการตอบโต้และแนวทางทูตของไทย นายภูมิธรรมย้ำว่าไทยไม่ได้ด้อยกว่ากัมพูชาแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าทุกการเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยมีข้อมูลและหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน แตกต่างจากอีกฝ่ายที่ใช้ “คำพูดลอยๆ” โดยไม่มีข้อมูลรองรับ
เกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องปราสาทตาควาย ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่ากัมพูชาเข้ายึดตัวปราสาท ขณะที่ไทยได้เพียงพื้นที่รอบนอก นายภูมิธรรมปฏิเสธให้รายละเอียดในเชิงลึก แต่ยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ตอบโต้ทางยุทธศาสตร์ และสามารถรักษาอธิปไตยในพื้นที่ไว้ได้
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวทางการทูต นายภูมิธรรมเปิดเผยว่าทั้งจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงสหรัฐอเมริกา ต่างแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ พร้อมเสนอความร่วมมือในการเป็นตัวกลางเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง แต่ก็ย้ำว่าประเทศเหล่านี้ยังคงรักษาจุดยืนเป็นกลาง
“เราต้องฟังจากฝั่งเราเอง ไม่ใช่ฟังจากกัมพูชาที่เน้น IO และพูดในสิ่งที่ไม่อิงข้อเท็จจริง” เขากล่าว พร้อมย้ำว่าแม้จะได้เจรจากับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้ว แต่เหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงยากที่จะยอมรับคำพูดของผู้นำกัมพูชา
ในส่วนของทหารกัมพูชา 18 นายที่ถูกควบคุมตัวไว้ หลังล้ำแดนเข้ามาแม้จะมีการประกาศหยุดยิงแล้ว นายภูมิธรรมเผยว่าไทยเคยเตรียมจะส่งตัวกลับ แต่เมื่อกัมพูชาโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าไทยลักพาตัว จึงต้องชะลอการปล่อยตัวไว้ก่อนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกัน เขาปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวที่ว่ามีโรงพยาบาลไทยบางแห่งปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยจากกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้ข่าวจริงและข่าวปลอมปะปนกัน และย้ำว่าฝ่ายไทยจะไม่ขยายความหรือตอบโต้โดยไร้หลักฐาน
“ไทยอาจสื่อสารช้ากว่า แต่สิ่งที่เราพูดคือข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่การปล่อยข่าวลวงเพื่อเอาชนะทางภาพลักษณ์” นายภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้าย