ดร.หง หย่งเสียง แพทย์เฉพาะทางด้านโรคไตจากไต้หวัน ได้แชร์ผ่านรายการ “Doctor is so hot” ถึงเคสของเด็กหญิงแซ่จาง วัย 13 ปี เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าเศร้า เมื่อพ่อแม่เข้าใจผิด คิดว่า “อาการปัสสาวะบ่อย-บวม” คือเรื่องปกติ และลูกสาวแค่อ้วนเพราะเข้าสู่วัยรุ่น หรือเครียดเรื่องเรียน จนกระทั่งเห็นคำว่า “ไตวาย” บนผลวินิจฉัย ถึงกับช็อกจนทรุดลงทันที
“หลายคนคิดว่าโรคไตวายเป็นโรคของคนสูงวัย หรือคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แต่จริง ๆ แล้ว โรคนี้เริ่มพบในคนอายุน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีพฤติกรรมการกินดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพ” แพทย์หงกล่าวเตือน
ตามรายงานระบุว่า เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน พ่อแม่เริ่มสังเกตว่าลูกสาวปัสสาวะบ่อย และบางครั้งปวดปัสสาวะอย่างรุนแรง แต่คิดว่าเป็นเพราะลูกดื่มน้ำเยอะ จนกระทั่งแม่สังเกตเห็นว่าน้ำปัสสาวะมีฟอง และลูกเริ่มมีอาการบวมตามตัว แต่ก็ยังไม่ได้พาไปพบแพทย์ เพราะคิดว่าอาจเป็นอาการเปลี่ยนแปลงช่วงวัยรุ่น และพวกเขาเองก็ติดงานยุ่ง
จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กหญิงจางหมดสติกลางโรงเรียน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด่วน และแพทย์ระบุว่าเธอมีอาการไตวายขั้นรุนแรง (เข้าสู่ภาวะยูรีเมีย – สารพิษในเลือดสูง) ทำให้แม่ช็อกจนเป็นลมล้มลงที่โรงพยาบาล ส่วนพ่อยืนแทบไม่อยู่ รู้สึกผิดที่ไม่พาลูกมาตรวจตั้งแต่แรก
ระหว่างการซักประวัติ แพทย์หงถามเด็กหญิงเพียง 3 คำถามเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ชอบ ก็พบต้นเหตุจากการติดน้ำอัดลมและอาหารฟาสต์ฟู้ดมานานถึง 4 ปี และบางวันกินทั้งสองอย่างนี้ทั้ง 3 มื้อ! และเมื่อถามว่าทำไมถึงดื่มน้ำอัดลมเยอะ เด็กตอบอย่างไร้เดียงสาว่า “ก็อร่อยนี่คะ ผู้ใหญ่ก็ยังชอบเลย” แถมในบ้านยังเก็บน้ำอัดลมไว้เต็มตู้เย็น ดื่มกันเป็นปกติทั้งครอบครัว
- แม่ลูกป่วยคู่ ตับ-ไตวายพร้อมกัน หมอรู้ดื่มอะไรเข้าไป เตือนด่วน “สิ่งนี้มีพิษ” อย่าซื้อกิน!
พ่อทรุดร้องไห้โฮ ลูกแค่ 6 ขวบ มะเร็งไตระยะสุดท้าย หมอชี้สาเหตุ “เครื่องดื่ม” ที่มองข้าม!
ทำไมน้ำอัดลมทำลายไต? น้ำอัดลมมีฟรักโตส (fructose) ซึ่งทำให้ไตไวต่อ “แองจิโอเทนซิน II” (โปรตีนที่ควบคุมเกลือและน้ำในร่างกาย) ส่งผลให้ร่างกายเก็บเกลือไว้ในไต จนเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญ เสี่ยงเป็นเบาหวาน ความดัน ไตวาย นอกจากนี้ยังมีกรดฟอสฟอริก (phosphoric acid) ซึ่งเปลี่ยนสภาพกรด-ด่างในปัสสาวะ กระตุ้นการเกิดนิ่ว และเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
แพทย์หง เล่าถึงเรื่องนี้เพื่อหวังให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ทุกคน หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพง พร้อมย้ำเตือนว่า “อย่ารักลูกผิดวิธี อย่าให้กินตามใจจนละเลยสุขภาพ และอย่ามองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกายของลูก”
ท้ายที่สุดแล้ว พ่อแม่เองต้องเป็นตัวอย่างในการกินและใช้ชีวิต เพราะเด็กเรียนรู้จากสิ่งที่เห็น ถ้าพบอาการผิดปกติ โดยเฉพาะแบบเรื้อรัง ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการรักษาในช่วงเวลาทอง